การเเสดงโนรา

การเเสดงโนรา
เป็นการเเสดงโนราประกอบในพิธีกรรม

วันพุธที่ 14 ธันวาคม พ.ศ. 2554

ความเชื่อกับ โนรา (มโนราห์)

                                                 
                                       ความเชื่อกับ โนรา (มโนราห์)

       ความเชื่่่อเกี่ยวกับโนรานั้นมีมาตั้งเเต่นานเเล้วกับคนภาคใต้หรือคนที่มีเชื่อสายโนรามาเเต่บรรพบุรุษ ที่สั่งสมความเชื่อกันมาสุ่รุ่นลูกรุ่นหลาย ให้ปฏิบัติกันต่อๆมาจนถึงปัจจุบันนี้
     คนที่เป็นโนราย่อมจะมีความเชื่อมากกว่าคนปกติคือคนที่ไม่เป็นโนรา   คนที่เป็นโนรามาเเต่สมัยโบราณนั้นเมื่อชราหรือทำการเเสดงไม่ได้เเล้วจะต้องมอบ เครื่องดนตรี เครื่องโนรา อุปกรณ์การเเสดง เเละครูหมอ พูดกันอ่ายๆว่าผู้สืบต่อนั้นเอง
ส่วนมากจะได้ของนี่เเก่ลูกตนเองเพราะถือว่าเป็นเชื่อสายโดยตรง เมื่อมอบรับจากคนที่ให้ของเเล้ว(ครูต้น)ผู้ัสืบทอดจะต้องปฏิบัติอย่างครูต้นของเราที่ได้สั่งสอนมาเหมือนเดิมเเละอย่างเคร่งครัด เช่น จะรำโนราโรงครูทุกปีของเดือน 6 ที่บ้านตัวเอง หรือจะต้องตั้งครูหมอตายายทุกปีของเดือน 6 ที่หิ้งเดิมหรือหิ้งที่บ้านของตนเอง  ถ้าไม่ปฏิบัติเหมือนๆที่ทำกันมาเเต่โบราณครูโนราจะให้โทษจะทำให้ตนเองหรือญาติพี่น้องเกิดความเจ็บไข้ได้ป่วย
    ความเชื่อเกี่ยวกับการดำเนินชีวิตก็มีอยุ่เหมือนกันที่มีความเชื่อผูกพันธ์กับคนที่เป็นโนรา  เช่น เป็นเสนบริเวณตามร่างกาย (จะมีก้อนเนื้อขึ้นมาตามร่างกายจะมีสีเเดงมักจะเป็นกับเด็ก)พวกเขาจะมีความเชื่อว่าเป็นเสนถ้าเอาไปโรงพยาบาลเขาจะมีความเชื่อว่าจะไม่หายจะต้องเอามาให้โนรา เหยียบ หรือที่ชาวบ้านเรียกพิธีกรรมนี้ว่าเหยียบเสน พิธีนี้ผู้ที่เป็นเสนหรือผู้ปกครองต้องตัดเตรียมเครื่องประกอบพิธีมามอบให้โนราใหญ่  ได้แก่ขันน้ำ หรือถาดใส่น้ำ หมากพลู ธูปเทียน ดอกไม้ มีดโก  หินลับมีด เงินเหรียญ เครื่องทอ งเครื่องเงิน หญ้าคา หญ้าเข็ดมอน  รวงข้าวและเงินตามกำหนดเช่น  12  บาท  จากนั้นโนราใหญ่จะเอาน้ำใส่ขันหรือถาดพร้อมด้วยอุปกรณ์อื่น ๆ  ทำพิธีจุดธูปเทียนชุมนุมเทวดาชุมนุมครูหมอโนรา  ลงอักขระขอมที่หัวแม่เท้าของโนราใหญ่  แล้วรำท่าแบบเฆี่ยนพราย  หรือ “ท่าย่างสามขุม”  มีโนราหรือครูหมอโนราในร่างทรงรำประกอบโดยถือกริช  พระขรรค์  โนราใหญ่เอาหัวแม่เท้าไปแตะตรงที่เป็นเสน  แล้วเอาหัวแม่เท้าไปเหยียบเบา ๆ  ตรงที่เป็นเสน  โดยหันหลังให้ผู้ที่เป็นเสน  ว่าคาถากำกับ  ในขณะเดียวกันโนราหรือครูหมอโนราในร่างทรงก็จะเอากริช  พระขรรค์แตะเสนพร้อมกับบริกรรมคาถา  ทำเช่นนี้ 3  ครั้ง  เสร็จแล้วเอามีดโกน  หินลับมีดและของอื่น ๆ  ในขันน้ำหรือถาดไปแตะที่ตัวผู้เป็นเสน  เป็นเสร็จพิธี จากพิธีกรรมดังกล่าวเชื่อว่าเสนจะค่อย ๆ หายไป  ถ้าไม่หายก็ให้ทำซ้ำอีกจนครบ  3  ครั้ง  เสนจะหายไปในที่สุด 
การตัดเสน
        ความเชื่อต่างๆเหล่านี้ที่สะสมกันมาให้ลูกหลานปฏิบัติตาม เป็นกุสโลบายของคนในสมัยโบราณหรือไม่ที่มีเจตนารมณ์ไม่ให้ศิลป์เเขนงสูญหายไปจากเเผ่นดินนี้ จึงออกคำพูดหรือคำสั่งต่างๆให้ฎิบัติอย่างเคร่งครัดถ้าไม่ทำตามจะโดนลงโทษดังนั้นลูกหลายมีความกลัวจึงปฎิบัติกันมาจนถึงทุกวัน
นี้
การหยียบเสนที่ผิวหนังเด็ก
http://download.clib.psu.ac.th/datawebclib/exhonline/nora/page6.html

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น